"นวดกระปู๋"...ธุรกิจมืดในคราบสปาร์
 

เขียนโดย Kedsaraporn Khumdee

“นวดกระปู๋”  ธุรกิจที่เปิดในคราบของสปาร์บังหน้า..เปิดให้บริการสำเร็จความใคร่ด้วยมือและปากแก่ผู้ชาย  โดยกระบวนการสรรค์สร้างปรุงแต่งทำให้เสรีนิยมใหม่ได้หยิบฉวยเอาต้นทุนทางวัฒนธรรมแบบเสรีนิยมที่ฝังลึกอย่างมั่นคงในสังคมตะวันตก โดยกระบวนการนี้ ได้เน้นนำคุณค่าที่เป็นเสาหลักของแนวคิดเสรีนิยมคือ “อิสรภาพและเสรีภาพส่วนบุคคล” รวมทั้งรังสรรค์ปั้นแต่งใหม่ ด้วยกลวิธีตอกย้ำ คุณค่าที่พึงปรารถนา ในสายตาของตน เพื่อออกแบบ ผลิต และผลิตซ้ำคุณค่าเหล่านั้น ให้เข้าแทนที่คุณค่าเดิมและผสมกลมกลืนกับคุณค่าอื่นอย่างแนบเนียนจนกลายเป็น “สามัญสำนึก” ของสมาชิกแต่ละคนในสังคมว่า บริการนวดกระปู๋นี้เป็นรูปแบบการนวดเพื่อสุขภาพ  ซึ่งแท้จริงแล้วการนวดกระปู๋ไม่ใช่การนวดแบบไทยแต่โบราณ คาดว่าจะเป็นการนวดประยุกต์ เพราะตามหลักการนวดส่วนต่างๆของร่างกาย เพราะการนวดแบบไทยแต่โบราณจะไม่มีการนวดที่บริเวณอวัยวะเพศ  และตามหลักวิชาการ ไม่มีผลวิจัยยืนยันออกมาชัดเจนการนวดในลักษณะดังกล่าวสามารถแก้ไขความบกพร่องทางเพศได้หรือไม่ เรื่องดังกล่าวจึงเป็นเรื่องของทางจิตใจมากกว่า หากผู้รับบริการพึงพอใจก็อาจคิดว่าได้ผล การมุ่งหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลใหม่ๆในสังคม เมื่อมองถึงพัฒนาการของกระหรี่จึงมีมิติแห่งความเป็น “สินค้า” อันมีกลไกตลาดนำไปสู่ความเป็นสินค้าคุณภาพระดับต่างๆ กระบวนการในลักษณะนี้ เรียกว่าHarlotization (โสเภณีภิวัตน์) ซึ่งเป็นกระบวนการของมิติทางชนชั้น ที่มีรสนิยมที่แตกต่าง โสเภณีชั้นสูง โสเภณีชั้นกลาง โสเภณีชั้นล่างจึงเป็นเกณฑ์มาตรฐานอันถูกวางอยู่ในกรอบคิดเสรีนิยมใหม่ไปโดยปริยาย การสร้างความเป็นเอกเทศของเสรีนิยมใหม่ ส่งผลกระทบให้กระหรี่จำต้องสร้างอัตลักษณ์ส่วนตัวในหมู่โสเภณี เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพ ตลอดจนความพยายามลดอัตราความเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงในชีวิต ซึ่งก็คือการเพิ่มมูลค่า(Adds Value)ของสินค้านั่นเอง  ดังนั้น โสเภณีจึงแสดงฐานะตัวเองในรูปแบบสินค้า ที่มีการสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับระดับของผู้บริโภคที่แตกต่างกันออกไป โสเภณีเกรด A มักเรียกตัวเองว่า “ไซไลน์” มุ่งเน้นให้บริการลูกค้าในหมู่ชนชั้นนายทุน-คนชั้นกลาง โสเภณีเกรดรองลงมาก็เริ่มพัฒนาตัวเองจากการยืนอยู่ริมฟุตบาท สวนสาธารณะ มาเป็นรูปแบบการโพสต์ข้อความในเวบบอร์ด Hi5 , Facebook,Twitter โสเภณีประเภทนี้พยายามเรียกตัวเองว่าไซไลน์เพื่อยกระดับฐานะจากการได้ค่าตัวเพียงชั่วโมงละ 500 บาท มาเป็น 1,500-3,000 บาท หรือในวงนักเที่ยวมักจะไปแหล่งสถานบริการนวดกระปู๋  ซึ่งกำลังฮิตในหมู่นักเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มชายโสดที่ต้องการพิสูจน์ความทนทานของกระปู๋ตัวเองว่าคงทนกับแรงยึดเหนี่ยวมากแค่ไหน ถือเป็นทางเลือกใหม่ของการประยุกต์ศาสตร์แห่งการนวดแผนไทยได้อย่างเฉียบคมอันสอดรับกับการเสริมสร้างธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของเสรีนิยมใหม่ เนื่องจากเสรีนิยมใหม่มุ่งความสำคัญเรื่องความรับผิดชอบตัวเอง ดูแลตัวเอง เพื่อที่จะยืนอยู่ภายใต้ทรัพยาการที่ต่างคนต้องแยกกันจัดสรรเพื่อตนเองให้ได้ กระนั้นเองจึงทำให้oralsexหรือนวดกระปู๋ กลับกลายเป็นอาหารจานอร่อยที่น่าลิ้มลองของใครหลายคน...ใครคนหนึ่งเคยพูดไว้ว่าเซ็กส์เปรียบเหมือนอาหาร”และอาหารจานนั้นก็มีรสชาติเฉพาะ จะจัดจ้านซ่านปากหรือหวานสวีตติดสิ้น จืดสนิท หรือฝืดเฝื่อน ก็ย่อมเปลี่ยนไปตามแต่พ่อครัวแม่ครัวคนนั้น และแน่นอนว่าไม่ทุกสิ่งย่อมขึ้นอยู่กับรสนิยม ออรัลเซ็กส์เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถรับประทานได้ หรือทุกคนจะมีรสนิยม และไม่ใช่ว่าทุกคนจะนิยมลงมือทำเพื่อความสุขของคนรัก มุมมองการทำรักแบบออรัล จึงแตกต่างกันไปในแต่ละคน  ในสังคมตะวันตกอาจถือเป็นเรื่องปกติ ถือว่าเป็นลีลารักที่ให้ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านแทบสกัดอารมณ์ไว้ไม่ไหว แต่สำหรับคนเอเชียแล้ว การทำรักด้วยปากถือเป็นเรื่องกระดากปากกระดากใจที่จะพูดถึง เป็นเรื่องสกปรก และเป็นท่วงท่าลีลารักที่แสนจะเสี่ยงกับโรคร้าย หลาย ๆ สิ่งล้วนต้องอาศัยความชื่นชอบส่วนบุคคล ออรัลเซ็กส์ ก็อาศัยเทสต์ส่วนบุคคลเช่นกันแต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยนัก หรือไม่เคยลิ้มลองลีลารักชิวหาพาสู่สวรรค์นี้ บางทีสีสันใหม่นี้อาจเป็นส่วนเติมเต็มและสีสรรค์ให้ชีวิตก็เป็นไปได้