Pre-test: Data Visualization

Distribution of Online Order Value

ด้านล่างคือ histogram ของ มูลค่าการสั่งซื้อ (บาท) ต่อออเดอร์
จากลูกค้า 800 ออเดอร์ในร้านค้าออนไลน์แห่งหนึ่ง

จากกราฟนี้ เราจะฝึกตีความ เชิงธุรกิจ ว่า histogram บอกอะไรเราได้บ้าง

ข้อที่ 1

จาก histogram เห็นได้ว่าจำนวนออเดอร์ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงมูลค่าประมาณเท่าใด?

ข้อที่ 2

จากรูป การกระจายของมูลค่าการสั่งซื้อ (order value) มีลักษณะใดมากที่สุด?

ข้อที่ 3

ถ้าธุรกิจต้องการนิยาม “ลูกค้าใช้จ่ายสูง (High Spender)” ว่ามีมูลค่าการสั่งซื้อต่อครั้งมากกว่า 1,500 บาท
จาก histogram เราน่าจะสรุปได้อย่างไรเกี่ยวกับสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้?

ข้อที่ 4

ถ้าผู้จัดการการตลาดอยากออกโปรโมชันสำหรับ “ลูกค้าส่วนใหญ่” ให้คุ้มค่าและตรงกลุ่มที่สุด
จาก histogram เขาควรโฟกัสลูกค้าที่มีมูลค่าต่อออเดอร์ช่วงใด?

ข้อที่ 5

ในมุมมองของการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ ข้อมูลจาก histogram นี้ช่วยให้เรา “ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์” ข้อใดได้มากที่สุด?

ยอดขายตามช่องทางการขาย (Barplot)

ด้านล่างคือ barplot แสดง ยอดขายรวม (บาท) ของธุรกิจ แยกตาม ช่องทางการขาย ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

ข้อที่ 1

จาก barplot ช่องทางใดมียอดขายรวม สูงที่สุด?

ข้อที่ 2

ถ้าเป้าหมายคือ “เพิ่มยอดขายรวมทั้งบริษัท” ระยะสั้น จากกราฟ ธุรกิจควร โฟกัสช่องทางใดก่อน เพื่อใช้ศักยภาพที่มีอยู่แล้วให้เต็มที่?

ข้อที่ 3

หากผู้บริหารต้องการกระจายความเสี่ยง ไม่ให้พึ่งช่องทางเดียวมากเกินไป จาก barplot ธุรกิจควรพิจารณาอะไร?

ข้อที่ 4

สมมติว่าบริษัทต้องการตัดงบการตลาดลง 1 ช่องทาง จาก barplot “ช่องทางใดน่าจะเป็นตัวเลือกแรกที่พิจารณาลดงบ” (ถ้าดูจากยอดขายอย่างเดียว)?

ข้อที่ 5

จาก barplot นี้ การใช้ barplot ช่วยธุรกิจในด้านใด โดยตรง มากที่สุด?

0.1 ส่วนที่ 1: Scatter Plot – จำนวนครั้งเข้าชม vs ยอดใช้จ่าย

ด้านล่างคือ scatter plot แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง จำนวนครั้งที่เข้าชมเว็บไซต์ต่อเดือน (visits) กับ ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน (spending) ของลูกค้า 300 คน

ข้อที่ 1

จาก scatter plot แนวโน้มโดยรวมของข้อมูลเป็นอย่างไร?

ข้อที่ 2

จุดส่วนใหญ่ในกราฟกระจุกอยู่ช่วงใด (โดยประมาณ)?

ข้อที่ 3

หากบริษัทต้องการหากลุ่ม “ลูกค้าที่มีศักยภาพสูง (High Potential)” จากกราฟนี้ น่าจะมองไปที่บริเวณใด?

ข้อที่ 4

ถ้าพบว่ามีจุดบางจุดที่ยอดใช้จ่ายสูงมากผิดปกติเมื่อเทียบกับคนอื่น (outliers) ธุรกิจควรทำอย่างไร?

ข้อที่ 5

ในมุมมองกลยุทธ์การตลาด ข้อมูลจาก scatter plot นี้ช่วยธุรกิจอย่างไรได้มากที่สุด?

ด้านล่างคือ bubble plot แสดงข้อมูล กลุ่มลูกค้า (segment) แต่ละกลุ่ม:

  • แกน X: จำนวนครั้งเข้าชม/interaction เฉลี่ยต่อเดือน (avg_visits)

  • แกน Y: ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อออเดอร์ (avg_order)

  • ขนาดฟอง: จำนวนลูกค้าในกลุ่ม (customers)

  • สี: แยกตาม segment

ข้อที่ 1

จาก bubble plot กลุ่มใดมี จำนวนลูกค้า มากที่สุด (ฟองใหญ่ที่สุด)?

ข้อที่ 2

กลุ่มใดมี ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อออเดอร์สูงที่สุด (แกน Y สูงสุด)?

ข้อที่ 3

กลุ่มใดมี จำนวนครั้งเข้าชม/interaction เฉลี่ยต่อเดือนสูงที่สุด (แกน X สูงสุด)?

ข้อที่ 4

ถ้าบริษัทอยากโฟกัส segment ที่มี ทั้ง engagement ค่อนข้างสูง และยอดใช้จ่ายต่อออเดอร์ดี กลุ่มใดน่าสนใจเป็นพิเศษ?

ข้อที่ 5

กลุ่มใดที่มีลูกค้าเยอะมาก แต่ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อออเดอร์ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น?

ข้อที่ 6

ถ้าบริษัทต้องการเพิ่ม “ยอดใช้จ่ายต่อออเดอร์” (upselling / cross-selling) ให้กับกลุ่มที่ engagement สูงอยู่แล้ว ควรดูกลุ่มใด?

ข้อที่ 7

หากบริษัทต้องการ “กระจายความเสี่ยง” ไม่ให้พึ่งพา Marketplace มากเกินไป การอ่าน bubble plot นี้ช่วยอะไรได้?

ข้อที่ 8

ในมุมมอง “การเริ่มต้นแคมเปญใหม่” หากต้องเลือก 1 segment เพื่อทดลองแคมเปญแบบ high-engagement + high-value ก่อน ควรเลือกกลุ่มใด (ตามข้อมูลในกราฟ)?

ข้อที่ 9

ใน bubble plot นี้ ขนาดฟอง (size) แทนค่าอะไร และมีความหมายเชิงธุรกิจอย่างไร?

24

ข้อที่ 10

โดยภาพรวม bubble plot นี้ช่วยผู้บริหารตัดสินใจในเรื่องใดได้ดีที่สุด?

0.2 ราคาหุ้นของบริษัท A (สมมติ) ตลอด 60 วันทำการ

ด้านล่างคือ line plot แสดง ราคาปิด (Closing Price) ของหุ้นบริษัท A พร้อมเส้น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วัน (10-day Moving Average)

ข้อที่ 1

แนวโน้มภาพรวมของราคาหุ้นตลอดช่วงเวลาที่แสดงในกราฟเป็นอย่างไร?

ข้อที่ 2

จากกราฟ หากแบ่งช่วงเวลาเป็น 3 ช่วง (ต้น–กลาง–ปลาย) ลักษณะเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นใกล้เคียงข้อใดมากที่สุด?

ข้อที่ 3

เส้นสีส้ม (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วัน) ช่วยนักลงทุนอย่างไร?

ข้อที่ 4

สมมติว่านักลงทุนหนึ่งคนใช้กลยุทธ์ง่าย ๆ คือ “ซื้อเมื่อราคาตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน และขายเมื่อราคาตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน” จุดประสงค์หลักของกลยุทธ์ลักษณะนี้คืออะไร?

ข้อที่ 5

จากกราฟจะเห็นว่าช่วงกลางมีการปรับตัวลงของราคา เมื่อเทียบกับช่วงอื่น ๆ นักวิเคราะห์ควรมองจุดนี้อย่างไร?

ข้อที่ 6

การดู line plot แบบนี้ช่วยผู้จัดการกองทุนหรือผู้บริหารการเงินในด้านใดมากที่สุด?

ข้อที่ 7

จากกราฟ ถ้าพบว่าช่วงท้ายมีทั้งการปรับขึ้นและผันผวนมากขึ้น สิ่งนี้บอกอะไรเกี่ยวกับความเสี่ยงของการถือหุ้นในช่วงปลายกราฟ?

ข้อที่ 8

หากบริษัทใช้ข้อมูลราคาหุ้นนี้ประกอบกับข้อมูลอื่น (เช่น ข่าว, กำไร, ปัจจัยเศรษฐกิจ) การดู line plot เพียงอย่างเดียวมีข้อจำกัดอะไร?

ข้อที่ 9

ถ้าผู้จัดการกองทุนมองว่าช่วง “ปรับฐานกลางกราฟ” เป็นโอกาสเข้าซื้อ (buy the dip) เขามองจากอะไรในกราฟ?

ข้อที่ 10

ในบริบทของ Big Data for Business หากต้องการนำข้อมูลราคาหุ้นนี้ไปต่อยอด แนวคิดใดเหมาะสมที่สุดในการใช้ line plot ร่วมกับข้อมูลอื่น?